อาการนอนกรนถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย และหลายๆท่านอาจยังไม่รู้ว่าอาการนอนกรนนั้นอาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea หรือ OSA) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง โดยเบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากการนอนกรน ซึ่งเกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนต้นที่แคบลง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายอย่างจนนำไปสู่โรคอื่นๆตามมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่น ๆ ตามมาจนอาจเสียชีวิตได้
สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) เป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ เกิดจากอวัยวะในระบบหายใจเกิดความผิดปกติ เช่น จมูก ช่องคอ ผนังคอหอย เป็นต้น ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดความตีบแคบลง เกิดการอุดกลั้นของช่องทางเดินหายใจ เมื่อหายใจจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียงกรนในขณะที่นอนหลับ ซึ่งเป็นสัญญาณหลักของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากระบบหายใจที่แคบจะทำให้ร่างกายพยายามหายใจให้แรงขึ้น ซึ่งยิ่งจะทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและไม่สามารถหายใจเข้า-ออกได้ชั่วขณะหนึ่ง
การรักษาด้วยเครื่อง CPAP
การรักษาอาการนอนกรนที่จะนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (Continuous positive airway pressure หรือ CPAP) ที่ได้รับการยอมรับและการแนะนำจากแพทย์หลายๆ ท่าน เนื่องจากสามารถลดอาการกรนได้จริง จากการที่ผู้ใช้งานได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอในขณะที่หลับอยู่ โดยเครื่อง CPAP มีหลักการในการทำงาน คือ การดูดอากาศรอบๆตัวเครื่องผ่านไส้กรองอากาศ และสร้างแรงดันส่งออกมาผ่านท่อลม และหน้ากากเข้าสู่ผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นการอัดแรงดันอากาศผ่านทางจมูกหรือปากขณะหายใจเข้า เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจรับอากาศได้อย่างเพียงพอ และช่วยค้ำการหย่อนของกล้ามเนื้อบริเวณช่องคอได้เป็นอย่างดี สรุปง่ายๆคือ เครื่อง CPAP จะมาช่วยถ่างขยายช่องทางเดินหายใจให้กว้างออก ซึ่งเป็นการแก้ไขที่สาเหตุโดยตรงของการนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างตรงจุด
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของเครื่อง CPAP ได้ที่: https://www.siamcpap.com